เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี การทำงานในชีวิตประจำวันก็เปลี่ยนไป การทำงานแบบตามเวลาที่กำหนด เข้า 8 โมงเช้า เลิก 4 โมงเย็น แต่งตัวเป็นระเบียบเรียบร้อย อาจไม่ใช่สิ่งที่คนรุ่นใหม่หลายคนมองหาแม้จะมีเงินเดือนที่สูงรองรับอีกต่อไป แต่ Flexible working ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการทำงานสำหรับพนักงานออฟฟิศ อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่ให้กับคนที่ต้องการเวลาในการทำงานและสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานให้มีหลากหลายสไตล์ รวมทั้งจัดการเวลาให้สามารถทำงานอดิเรกอย่างอื่นได้มากขึ้น เป็นการฉีกกฎการทำงานแบบจำกัดเวลาเดิม ๆ เป็นอย่างมาก
Flexible working คือ ระบบการทำงานแบบยืดหยุ่น พนักงานสามารถเลือกเวลาในการทำงานเองได้หรือบางทีอาจจะให้พนักงานแค่เข้าครบเวลาทำงานที่กำหนด รูปแบบการทำงานขึ้นอยู่กับบริษัทนั้นนำไปปรับใช้ให้เข้ากับองค์กรหรือหน่วยงานนั้น ๆ
รูปแบบการทำงานแบบ Flexible working นั้นมีหลายหลายรูปแบบ ในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 รูปแบบหนึ่งที่นิยมกันมากนั่นคือ การทำงานแบบ Work from home และแม้หลังจากผ่านช่วงโรคระบาดมาแล้ว หลาย ๆ บริษัทก็ยังคงนำมาปรับใช้อยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นรูปแบบการทำงานที่ไม่ต้องเข้าบริษัทแต่ทำงานอยู่ที่บ้านแบบเต็มเวลา จะเข้าบริษัทก็ต่อเมื่อจำเป็น เป็นการทำงานที่ต้องบริหารจัดการเวลาด้วยตนเองและถ้าจัดการบริหารเวลาอย่างเป็นระบบ ก็สามารถใช้เวลาที่เหลือในการพักผ่อนได้
บริษัท เค.เอ็ม. คอนซัลติ้ง คอเปอร์เรชั่น จำกัด ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำงานแบบ Flexible working พนักงานสามารถจัดการเวลาในการทำงานเองได้ แม้ตามกฎบริษัทจะให้เข้างานเวลา 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น แต่พนักงานจะเป็นคนบริหารจัดการเวลาเอง เวลาในการเข้าทำงานในออฟฟิศก็ขึ้นอยู่กับรายบุคคล สามารถ เข้าออฟฟิศทำงานในเวลาหลังเข้างานได้ และออกงานก่อนเวลาเลิกงานได้เช่นกัน และเมื่องานที่รับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยก็สามารถใช้เวลาที่เหลือในการหาความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการทำงานหรือสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้
โดยบริษัท เค.เอ็ม. คอนซัลติ้ง คอเปอร์เรชั่น จำกัด ได้ใช้ Plum ซึ่งเป็นระบบ HR เรียกว่า ระบบจัดการทรัพยากรมนุษย์ เป็นระบบการกดเข้าทำงานของบริษัท โดยเริ่มกดเข้างานได้ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า ถึง 10 โมงเช้า หากเกินเวลาจะนับว่าขาดงาน และกดออกงานเวลา 5 โมงเย็น โดยไม่จำกัดสถานที่ สามารถกดได้ง่าย ๆ เพียงเข้าเว็บไซต์ของระบบ Plum ไม่ว่าจะทำงานนอกสถานที่หรือ Work from home เพียงแค่กดเข้าทำงานในเวลาที่กำหนดก็นับเป็นเวลาเข้าทำงานแล้ว ซึ่งสะดวกในการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ระบบยังสามารถยื่นใบเบิกสวัสดิการ ใบลา หรืออื่น ๆ ได้ในระบบได้เช่นกัน นับเป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่งในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทในการทำงาน
โดยการทำงานแบบยืดหยุ่นมีข้อดีหลาย ๆ ประการ เช่น การให้อิสระในการทำงานแก่พนักงาน ทำให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพ การแต่งกายที่ไม่เคร่งครัดเกินไป พนักงานมีความสะดวกในการทำงาน สามารถทำงานในสถานที่ต่าง ๆ แบบอิสระ อาทิ คาเฟ่ ห้องสมุด Working-space เป็นต้น ทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น เป็นการสนับสนุนคุณภาพชีวิตพนักงาน ลดความเครียด และเพิ่มความพึงพอใจในงาน
จะเห็นได้ว่า การทำงานแบบยืดหยุ่นมีผลดีต่อการทำงานสำหรับพนักงานออฟฟิศในยุคนี้เป็นอย่างมาก บริษัทที่ปรับตัวให้ทันกับเทรนด์การทำงานของคนรุ่นใหม่ คนเก่ง ๆ ที่มีศักยภาพสูงก็จะเข้ามาหา และพนักงานในบริษัทก็จะมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น บริษัทเองก็จะได้เพิ่มคุณภาพไปด้วยเช่นกัน
โดย โรสแมรี่