ในปี 2025 เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคล (HR Technology) มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและองค์กร บทความนี้นำเสนอภาพรวมของแนวโน้มสำคัญเกี่ยวกับฟีเจอร์และฟังก์ชันนวัตกรรมในซอฟต์แวร์ HR ที่กำลังได้รับความนิยม แพลตฟอร์มการใช้งานที่องค์กรเลือกใช้ เทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อนการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงกรณีศึกษาที่น่าสนใจจากองค์กรชั้นนำ
1. การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในงานทรัพยากรบุคคล
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบทรัพยากรบุคคลสมัยใหม่ โดยองค์กรจำนวนมากนำ AI มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทางธุรการและกลยุทธ์ ข้อมูลจาก Deloitte ระบุว่า 22% ขององค์กรทั่วโลกมีการใช้ AI ในงาน HR และอีก 30% วางแผนจะนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้ Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 ระบบ AI จะสามารถตอบข้อสอบถามทั่วไปด้าน HR ได้ถึง 75%
การประยุกต์ใช้ AI ที่โดดเด่น ประกอบด้วย:
• การคัดกรองผู้สมัครงานด้วย AI เพื่อวิเคราะห์และจัดลำดับประวัติผู้สมัครอย่างมีประสิทธิภาพ
• การใช้ AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ในการจัดทำคำอธิบายตำแหน่งงานและเนื้อหาการอบรม
• ระบบวิเคราะห์ข้อมูลพนักงานเพื่อคาดการณ์แนวโน้มและพฤติกรรม
2. ระบบบริการตนเองของพนักงาน (Employee Self-Service)
พนักงานในยุคปัจจุบันคาดหวังความสะดวกในการทำธุรกรรม HR ผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาระบบบริการตนเองที่ครอบคลุมการดำเนินการต่าง ๆ เช่น:
• การปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคล
• การจัดการวันลาและสวัสดิการ
• การเข้าถึงเอกสารสำคัญ (เช่น สลิปเงินเดือน)
องค์กรส่วนใหญ่หันมาใช้แชตบอตหรือผู้ช่วยเสมือนอัจฉริยะ (Virtual Assistant) ที่สามารถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะมีการใช้ AI Chatbot แทนระบบพอร์ทัลแบบเดิมเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็น
3. การทำงานอัตโนมัติ (Automation) ของกระบวนการทรัพยากรบุคคล
การอัตโนมัติของงานประจำ (Routine Tasks) เป็นฟังก์ชันสำคัญที่องค์กรให้ความสำคัญ ระบบ HR สมัยใหม่สามารถสร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับกระบวนการต่าง ๆ เช่น:
• การจัดการกระบวนการรับพนักงานใหม่ (Onboarding)
• การคำนวณและประมวลผลข้อมูลเวลาทำงานและค่าตอบแทน
• ระบบแจ้งเตือนและอนุมัติอัตโนมัติ
เทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) และ AI ถูกนำมาใช้ในงานประจำมากขึ้น ส่งผลให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีเวลาทุ่มเทกับงานเชิงกลยุทธ์ แพลตฟอร์มประเมินผลการทำงานแบบต่อเนื่อง (Continuous Performance Management) กำลังแทนที่ระบบประเมินแบบรายปีแบบดั้งเดิม โดยใช้ AI ช่วยวิเคราะห์เป้าหมายและผลการปฏิบัติงานแบบเรียลไทม์
4. การมุ่งเน้นประสบการณ์ของพนักงาน (Employee Experience, EX)
การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่พนักงานกลายเป็นหัวใจสำคัญของการเลือกใช้ HR Application โดยมุ่งเน้นที่:
• ความง่ายในการใช้งานและความพึงพอใจของผู้ใช้
• การสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นตลอดวงจรชีวิตของพนักงาน (Employee Lifecycle)
• การสนับสนุนสุขภาวะองค์รวมของพนักงาน (Physical and Mental Well-being)
ผลสำรวจพบว่า 87% ของผู้จัดการ HR วางแผนเพิ่มงบประมาณด้านเทคโนโลยี HR โดยมีเป้าหมายหลักคือการพัฒนา Employee Experience ระบบ HR รุ่นใหม่จึงเพิ่มฟีเจอร์ที่ส่งเสริมประสบการณ์ที่ดี เช่น ระบบการเรียนรู้ออนไลน์ แบบสำรวจความพึงพอใจแบบเรียลไทม์ และแพลตฟอร์มสวัสดิการที่ยืดหยุ่น
1. ระบบ HR แบบคลาวด์ (Cloud-Based HR System)
การใช้งานระบบ HR บนคลาวด์ในรูปแบบ Software-as-a-Service (SaaS) ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ โดยมีข้อดีหลายประการ:
• ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
• การอัปเดตฟีเจอร์ที่ต่อเนื่องจากผู้ให้บริการ
• ความสามารถในการเข้าถึงจากทุกที่ผ่านอินเทอร์เน็ต
ผลการสำรวจทั่วโลกพบว่า 46% ของบริษัทได้เปลี่ยนมาใช้ระบบ HR แบบ SaaS หรือระบบไฮบริด (เพิ่มขึ้นจาก 20% เมื่อสองปีก่อน) และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 57% ภายในปี 2023 องค์กรที่ย้ายไปใช้ระบบคลาวด์รายงานการประหยัดต้นทุนด้าน HR โดย 70% ของบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างน้อย 10% และ 37% ประหยัดได้เกิน 20% สำหรับในประเทศไทย จะมีระบบ ที่รองระบบที่รองรับเช่น Plum hr solution, Human Soft เป็นต้น
2. การออกแบบแบบ Mobile-First และ Multi-Platform
พฤติกรรมผู้ใช้ในยุคดิจิทัลทำให้องค์กรต้องเลือก HR Application ที่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และแพลตฟอร์มหลากหลาย แพลตฟอร์ม HR ชั้นนำมักมาพร้อมแอปพลิเคชันมือถือที่ช่วยให้พนักงานและผู้จัดการสามารถดำเนินการด้าน HR ได้ทุกที่ทุกเวลา
นอกจากนี้ แนวโน้มการมีแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ (Unified Platform) ที่เชื่อมต่อทุกฟังก์ชัน HR ในที่เดียวก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลายองค์กรเลือกใช้ชุดซอฟต์แวร์ Human Capital Management (HCM) แบบครบวงจรจากผู้ให้บริการรายเดียว เช่น Workday, SAP SuccessFactors และ Oracle HCM Cloud
3. แนวทางแบบไฮบริดและการจ้างบริการภายนอก (Outsourcing)
แม้ว่าระบบคลาวด์จะเป็นที่นิยม แต่ในทางปฏิบัติ องค์กรขนาดใหญ่บางแห่งยังคงใช้รูปแบบไฮบริดที่ผสมผสานระบบภายในองค์กรกับบริการคลาวด์ หรือใช้ผู้ให้บริการภายนอกบางส่วนควบคู่กัน
มีแนวโน้มว่าองค์กรเริ่มจ้างบริการ HR ภายนอกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริการที่เกี่ยวกับการจัดการระบบและการสนับสนุนผู้ใช้ เพื่อให้ทีม HR ภายในมุ่งเน้นงานเชิงกลยุทธ์ รูปแบบการให้บริการ HR แบบผสมผสาน (Hybrid Delivery Model) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
1. ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง (AI/ML)
AI และ Machine Learning เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ขับเคลื่อนนวัตกรรม HR Application ในหลายด้าน:
• การใช้โมเดลทำนาย (Predictive Models) เพื่อคาดการณ์แนวโน้มสำคัญ เช่น อัตราการลาออกของพนักงานหรือช่องว่างทักษะในองค์กร
• การใช้ Natural Language Processing (NLP) และการวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis) กับข้อมูลจากแบบสำรวจ
• การสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Experience) ให้พนักงาน
• การพัฒนาเอเจนต์ AI (Agentic AI) ที่สามารถดำเนินการแทนพนักงานได้
2. การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากร (People Analytics)
การใช้ Big Data และ Analytics ในงาน HR ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ขององค์กรชั้นนำ ทีม HR สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น:
• การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
• การวิเคราะห์สาเหตุหลักที่ทำให้พนักงานลาออก
• การพัฒนาแดชบอร์ดแบบปรับแต่งได้ที่นำเสนอข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์
ระบบ People Analytics ในปี 2025 มีความสามารถสูงขึ้น ครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analytics) และการวิเคราะห์เชิงสั่งการ (Prescriptive Analytics) อย่างไรก็ตาม การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากมาพร้อมกับความท้าทายด้านจริยธรรมและความเป็นส่วนตัว
3. บล็อกเชน (Blockchain)
แม้บล็อกเชนจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการประยุกต์ใช้ในงาน HR แต่ในปี 2025 มีการทดลองใช้งานที่น่าสนใจหลายประการ:
• การตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารของผู้สมัครงาน/พนักงาน
• การจ่ายเงินเดือนและบริหารสัญญาจ้าง โดยเฉพาะสำหรับพนักงานฟรีแลนซ์หรือพนักงานต่างประเทศ
• การใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ในการจัดการสัญญาจ้างงานหรือข้อตกลงกับพนักงาน
ข้อมูลระบุว่า 11.7% ขององค์กรนำบล็อกเชนมาใช้จริงในงาน HR และ 74% อยู่ระหว่างพิจารณาหรือทดลองการนำมาใช้
4. โลกเสมือนจริงและโลกเสริมจริง (VR/AR)
เทคโนโลยี VR/AR เริ่มมีบทบาทสำคัญในงานทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะในด้านการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร:
• การฝึกอบรมผ่านประสบการณ์เสมือนจริง
• การสอนงานหน้างานด้วย AR
• การสร้างประสบการณ์เสมือนจริงในกระบวนการสรรหาบุคลากร
• การใช้เกมจำลองสถานการณ์เพื่อประเมินทักษะผู้สมัคร
ตัวอย่างเช่น Walmart ใช้ชุดหูฟัง VR ในการฝึกซ้อมพนักงานในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรมได้ถึง 96%